TheraFill ฉีดคอลลาเจนสด โกงอายุผิวแบบไม่ต้องรอ

TheraFill นวัตกรรมฟื้นฟูผิวด้วยการฉีดคอลลาเจนสดโดยตรง เติมเต็มผิวให้อิ่มฟู ยืดหยุ่น และดูอ่อนเยาว์ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เทรนด์ใหม่ที่ช่วยแก้ปัญหาผิวได้ทันที

ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวล้ำไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง มนุษย์เราต่างพยายามค้นหาวิธีที่จะ “เอาชนะธรรมชาติ” ในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลสุขภาพร่างกาย ให้แข็งแรงเพื่ออายุที่ยืนยาว หรือนวัตกรรมทางการแพทย์ ที่ช่วยให้เราคงความอ่อนเยาว์ไว้ได้นานที่สุด จนหลายครั้งคำว่า “อายุเป็นเพียงตัวเลข” ก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริงอีกต่อไป เราอาจจะพบคนที่อายุ 50 แต่กลับมีผิวพรรณที่ดูเหมือนคนอายุ 30 ได้อย่างไม่น่าเชื่อ และในวันนี้ วงการ Wellness และ ความงาม ได้เดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญอีกครั้ง กับเทรนด์การ ฉีดคอลลาเจนสด ที่จะมาพลิกโฉมการฟื้นฟูผิวแบบเดิม ๆ ให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ปลอดภัย และเป็นธรรมชาติยิ่งกว่าเคย 

หากคุณเป็นคนหนึ่ง ที่มองหาที่สุดแห่งนวัตกรรมการยืดอายุผิว I Plan Wellness จะพาคุณไปรู้จักกับ TheraFill เทคโนโลยีการเติมคอลลาเจนบริสุทธิ์สูง ที่เปรียบเสมือนการมอบของขวัญล้ำค่าคืนสู่ผิวโดยตรง พร้อมเจาะลึกทุกแง่มุมว่า ทำไมเทรนด์นี้ถึงกำลังเป็นที่จับตามองไปทั่วโลก 

TheraFill นวัตกรรม “ฉีดคอลลาเจนสด” พลิกวงการความงาม 

หัวใจหลักของ TheraFill คือการใช้ Atelocollagen ซึ่งเป็นคอลลาเจนประเภทที่ 1 (Type I Collagen) ที่ผ่านกระบวนการสกัดด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงจนได้เป็น คอลลาเจนสด ที่มีความบริสุทธิ์สูงสุด (High Purity Atelocollagen) ความพิเศษคือ มีโครงสร้างที่คล้ายคลึงกับคอลลาเจนในผิวของมนุษย์มากที่สุด ทำให้เมื่อฉีดเข้าไปแล้ว ร่างกายสามารถยอมรับได้ดี ไม่ก่อให้เกิดการต่อต้าน และที่สำคัญคือ ไม่ต้องทำการทดสอบการแพ้ก่อนฉีด  

นวัตกรรมนี้ได้รับการยอมรับในระดับสากล ผ่านการรับรองมาตรฐานจากองค์กรชั้นนำทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น US FDA (สหรัฐอเมริกา), CE (ยุโรป), KFDA (เกาหลีใต้) และ GMP จึงมั่นใจได้ในความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด 

ลองนึกภาพตามง่าย ๆ ว่าผิวเราที่เริ่มโรยราไปตามวัย เหมือนกับโครงสร้างของบ้าน ที่เสาคอลลาเจนเริ่มผุกร่อน การฉีด TheraFill ก็เปรียบเสมือนการนำเสาต้นใหม่ ที่แข็งแรงและเข้ากันได้ดีกับโครงสร้างเดิมเข้าไปค้ำยันไว้ทันที ทำให้บ้าน (ผิว) ของเรากลับมาแข็งแรง เต่งตึง และดูสดใสขึ้นในทันที โดยไม่ต้องรอให้ร่างกายค่อย ๆ สร้างขึ้นมาใหม่ 

ไขข้อสงสัย Collagen, Filler และ Biostimulator ต่างกันอย่างไร? 

หลายคนอาจจะยังสับสนระหว่างหัตถการยอดฮิตทั้ง 3 ประเภทนี้ เรามาทำความเข้าใจแบบง่าย ๆ กันก่อน เพื่อให้เห็นภาพว่า TheraFill เข้ามาตอบโจทย์และสร้างความแตกต่างได้อย่างไร 

HA Filler (Hyaluronic Acid Filler) 

ทำหน้าที่ “เติมเต็ม” เป็นหลัก สารไฮยาลูรอนิก แอซิด มีคุณสมบัติอุ้มน้ำได้ดี เมื่อฉีดเข้าไป จะช่วยเติมเต็มปริมาตรในบริเวณที่เป็นร่องลึก เช่น ร่องแก้ม ใต้ตา หรือใช้เพื่อปรับรูปหน้าให้มีมิติมากขึ้น ให้ผลลัพธ์เรื่องการเติมเต็มแบบทันที แต่จะค่อย ๆ สลายไปตามธรรมชาติในระยะเวลา 6-18 เดือน 

ข้อสังเกต – เน้นการเพิ่มวอลลุ่ม ไม่ได้เข้าไปฟื้นฟูโครงสร้างผิวโดยตรงในระยะยาว 

Biostimulator 

หน้าที่หลัก คือ “กระตุ้น” ให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนของตัวเองขึ้นมาใหม่ สารที่ใช้ เช่น PLLA (Poly-L-Lactic Acid) หรือ CaHA (Calcium Hydroxylapatite) หลังจากฉีดเข้าไป สารเหล่านี้จะไปกระตุ้นเซลล์ในชั้นผิวให้ผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินเพิ่มขึ้น ผลลัพธ์จะค่อย ๆ ปรากฏให้เห็นใน 2-3 เดือน และอยู่ได้นาน 1-2 ปี 

ข้อสังเกต – ต้องใช้เวลารอผลลัพธ์ และอาศัยกระบวนการอักเสบเล็กน้อยในชั้นผิว เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน 

Collagen การฉีดคอลลาเจนสด 

หน้าที่หลัก คือ “เติมเต็ม” และ “เป็นต้นแบบ” ในการสร้างผิวใหม่ เมื่อฉีด TheraFill ที่เป็น คอลลาเจนสด เข้าไป จะเกิดผลลัพธ์ 2 ต่อ คือ  

1. เติมเต็มทันที เข้าไปแทนที่คอลลาเจนเดิมที่หายไป ทำให้ริ้วรอยร่องลึกดูตื้นขึ้นทันที  

2. เป็นโครงสร้างให้ผิว ทำหน้าที่เป็นเสมือนนั่งร้าน (Scaffold) ให้เซลล์ผิวของเรายึดเกาะและสร้างคอลลาเจนใหม่ขึ้นมาทับซ้อน ทำให้ผิวแข็งแรงและแน่นขึ้นจากภายในอย่างเป็นธรรมชาติ 

เปรียบเทียบชัด ๆ  TheraFill โดดเด่นกว่าอย่างไร? 

เมื่อเข้าใจหลักการทำงานของแต่ละประเภทแล้ว จะเห็นได้ว่า TheraFill ได้เข้ามาปิดจุดอ่อนและรวมข้อดีของหัตถการอื่น ๆ ไว้อย่างลงตัว 

TheraFill vs HA Filler เติมเต็มพร้อมสร้างผิวใหม่ 

หลายครั้งที่การฉีดฟิลเลอร์แบบเดิม ๆ อาจให้ผลลัพธ์ที่ดูไม่เป็นธรรมชาติ หากแพทย์ไม่เชี่ยวชาญ หรืออาจเกิดปัญหาเป็นก้อน บวมน้ำได้ แต่ TheraFill ก้าวข้ามข้อจำกัดเหล่านั้นไปอีกขั้น 

  • ไม่ใช่แค่เติม แต่คือการสร้างผิว ในขณะที่ HA Filler ทำหน้าที่เติมเต็มปริมาตรเป็นหลัก TheraFill คือการนำคอลลาเจนสด ที่เป็นองค์ประกอบหลักของผิวเข้าไปโดยตรง จึงไม่เพียงแค่เติมให้เต็ม แต่ยังช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวให้กลับมาแข็งแรง สร้างผิวใหม่ให้แน่น อิ่มฟู และฉ่ำวาวจากภายใน  
  • ไม่บวม ไม่เป็นก้อน ด้วยโมเลกุลที่ละเอียดและความเข้ากันได้ดีกับผิว ทำให้ผลลัพธ์หลังฉีดดูเป็นธรรมชาติ กลืนไปกับผิว ไม่เกิดปัญหาบวมน้ำ หรือเป็นก้อนเหมือนฟิลเลอร์บางชนิด 
  • ฉีดตื้นได้มากกว่า TheraFill สามารถฉีดในผิวชั้นตื้น เพื่อแก้ปัญหาริ้วรอยเล็ก ๆ หรือฟื้นฟูคุณภาพผิวบริเวณที่บอบบาง เช่น ใต้ตา ได้อย่างปลอดภัย ให้ผลลัพธ์ที่เรียบเนียน 

TheraFill vs Bio-Stimulator เห็นผลทันที ปลอดภัยกว่าในระยะยาว 

แม้ว่า Bio-Stimulator จะให้ผลลัพธ์ที่ยาวนาน แต่ก็ต้องแลกมากับการรอคอย ซึ่ง TheraFill ตอบโจทย์คนที่ต้องการผลลัพธ์ที่ชัดเจนและรวดเร็วกว่า 

  • เห็นความเปลี่ยนแปลงทันที ไม่ต้องรอนาน 2-3 เดือนเพื่อเห็นผล TheraFill มอบผลลัพธ์การเติมเต็มให้คุณเห็นได้ทันทีหลังทำ เหมาะสำหรับคนที่ต้องใช้หน้าทำงาน หรือต้องการฟื้นฟูผิวแบบเร่งด่วน 
  • ไม่ต้องผ่านกระบวนการอักเสบ TheraFill เป็นการเติมสิ่งที่ผิวมีอยู่แล้วเข้าไป จึงไม่ต้องอาศัยกลไกการอักเสบ เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเหมือน Bio-Stimulator บางชนิด ทำให้กระบวนการอ่อนโยนต่อผิวมากกว่า 
  • ไม่มีสารตกค้าง เนื่องจากเป็นคอลลาเจนบริสุทธิ์ ที่มีโครงสร้างใกล้เคียงกับผิวมนุษย์ จึงสามารถเข้ากับร่างกายและสลายไปตามธรรมชาติได้อย่างปลอดภัย ไม่ทิ้งสารสังเคราะห์ตกค้างในระยะยาว 

เจาะลึก TheraFill เหมาะกับใครและช่วยแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง? 

TheraFill เป็นนวัตกรรมที่ออกแบบมา เพื่อแก้ไขปัญหาผิวได้อย่างครอบคลุม จึงเหมาะกับผู้ที่มีความกังวลในเรื่องต่างๆ ดังนี้ 

  • ใต้ตาหมองคล้ำ ร่องน้ำตาลึก ช่วยเติมเต็มผิวบริเวณใต้ตาที่บางและยุบตัวลง ให้ดูสดใสและอิ่มฟูขึ้น 
  • ผิวแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น เติมน้ำให้ผิวโดยตรง คืนความฉ่ำวาว ดูสุขภาพดี 
  • ริ้วรอยร่องตื้นและร่องลึกสามารถเติมเต็มร่องแก้ม ร่องมุมปาก หรือริ้วรอยบริเวณหน้าผากให้ดูเรียบเนียนขึ้น 
  • รอยแผลเป็นชนิดหลุม (Acne Scars) ช่วยเติมเต็มหลุมสิวให้ตื้นขึ้น ทำให้ผิวโดยรวมดูเรียบเนียน. 
  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ฟื้นฟูโครงสร้างผิวในระยะยาว ให้ผิวแน่นกระชับและดูอ่อนเยาว์ 

ด้วยคุณสมบัติที่ไม่เจ็บ ไม่แสบ ไม่ต้องพักฟื้นนาน จึงเป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มนักแสดงหรือผู้ที่ต้องใช้รูปลักษณ์ในการทำงานอยู่เสมอ เพราะสามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันทีพร้อมกับผิวที่ดีขึ้น 

เตรียมตัวให้พร้อมก่อนฉีด TheraFill เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด 

เพื่อให้การฉีดคอลลาเจนสด ได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจและลดความเสี่ยง ของผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น การเตรียมตัวที่ดีเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง 

ข้อควรปฏิบัติและข้อควรระวังก่อนทำ 

  1. ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ขั้นตอนที่สำคัญที่สุด คือการเข้ามาปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิว แจ้งประวัติสุขภาพ โรคประจำตัว ประวัติการแพ้ยา และยาหรืออาหารเสริมที่รับประทานเป็นประจำ เพื่อให้แพทย์วางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม 
  1. งดยาและวิตามินที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด ควรงดอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์ก่อนทำ เพื่อลดความเสี่ยงของอาการบวมช้ำ ได้แก่ 
  • ยาต้านการอักเสบกลุ่ม NSAIDs เช่น Aspirin, Ibuprofen, Naproxen 
  • วิตามินและอาหารเสริม เช่น วิตามินอี (Vitamin E), น้ำมันปลา (Fish Oil), จิงโกะ (Ginkgo Biloba), โสม, น้ำมันอิฟนิ่งพริมโรส 
  1. งดดื่มแอลกอฮอล์ ควรงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดอย่างน้อย 24-48 ชั่วโมงก่อนการฉีด เพราะแอลกอฮอล์จะทำให้เลือดสูบฉีดมากขึ้น และอาจเพิ่มอาการบวมช้ำได้ 
  1. แจ้งประวัติการทำหัตถการบนใบหน้า ควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากเคยทำหัตถการอื่น ๆ บนใบหน้า เช่น การฉีดฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ หรือเลเซอร์ ในช่วง 2-4 สัปดาห์ที่ผ่านมา 
  1. รักษาสุขภาพให้แข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอและดูแลร่างกายให้แข็งแรง หากมีอาการป่วย เช่น เป็นไข้ ไม่สบาย หรือมีเริมขึ้นบริเวณริมฝีปาก ควรเลื่อนนัดออกไปก่อนจนกว่าจะหายเป็นปกติ 
  1. งดสครับหน้าหรือผลัดเซลล์ผิว หลีกเลี่ยงการสครับผิวอย่างรุนแรง หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวบริเวณที่จะทำการฉีด ประมาณ 2-3 วันก่อนทำ 

การดูแลตัวเองหลังฉีด TheraFill เคล็ดลับง่ายๆ เพื่อผลลัพธ์ปังและยาวนาน 

หลังจากการฟื้นฟูผิวด้วย TheraFill แล้ว การดูแลตัวเองอย่างถูกวิธี จะช่วยให้ผลลัพธ์คงอยู่ได้นานขึ้นและป้องกันผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ 

ข้อปฏิบัติหลังทำ 

  1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้า ในช่วง 4-6 ชั่วโมงแรกหลังฉีด พยายามอย่าจับ แตะ นวด หรือเกาบริเวณที่ฉีด เพื่อป้องกันการติดเชื้อและป้องกันไม่ให้ตัวยาเคลื่อนที่ 
  1. ประคบเย็นได้หากมีอาการบวม อาจมีอาการบวมแดงหรือรู้สึกตึง ๆ บริเวณที่ฉีดได้เป็นปกติ ซึ่งจะค่อย ๆ หายไปเองใน 2-3 วัน สามารถใช้แผ่นเจลเย็น หรือผ้าห่อน้ำแข็งประคบเบา ๆ เพื่อช่วยลดอาการบวมได้ 
  1. งดแอลกอฮอล์และของหมักดอง ควรงดดื่มแอลกอฮอล์และรับประทานของหมักดอง อย่างน้อย 48 ชั่วโมง – 1 สัปดาห์ เพื่อลดอาการบวมอักเสบ 
  1. หลีกเลี่ยงความร้อนและกิจกรรมหนัก ในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดงหรือสัมผัสกับความร้อนสูง เช่น การออกกำลังกายอย่างหนัก, การเข้าซาวน่าหรือสตรีม, การทำเลเซอร์ หรือการตากแดดเป็นเวลานาน 
  1. การแต่งหน้าและทาครีม สามารถแต่งหน้าและทาครีมบำรุงได้ตามปกติ หลังฉีดไปแล้วประมาณ 12 ชั่วโมง โดยใช้เทคนิคการทาที่เบามือ 
  1. ดื่มน้ำให้เพียงพอ การดื่มน้ำมาก ๆ จะช่วยให้คอลลาเจนทำงานได้ดีขึ้น และทำให้ผิวดูชุ่มชื้น อิ่มฟู 
  1. พบแพทย์ตามนัด ควรกลับไปพบแพทย์ตามนัด เพื่อติดตามผลการรักษา และหากพบความผิดปกติ เช่น มีอาการปวด บวม แดง มากผิดปกติ หรือสีผิวเปลี่ยนแปลง ควรรีบติดต่อคลินิกเพื่อปรึกษาแพทย์ทันที 

อัปเดตเทรนด์คอลลาเจนสด รู้จัก Collaju และ Karisma 

นอกจาก TheraFill แล้ว ในวงการฉีดคอลลาเจนสด ยังมีนวัตกรรมที่น่าสนใจอีก 2 แบรนด์ที่กำลังเป็นที่พูดถึง เพื่อให้ชาว I Plan Wellness ได้อัปเดตข้อมูลแบบครบรอบด้าน  

  • Collaju(คอลลาจู)เป็นอีกหนึ่งแบรนด์คอลลาเจนบริสุทธิ์จากเกาหลี ที่เน้นการฟื้นฟูคุณภาพผิว (Skin Quality) โดยเฉพาะ ช่วยให้ผิวแข็งแรง เพิ่มความยืดหยุ่น ลดเลือนริ้วรอยเล็ก ๆ และทำให้ผิวดูใส มีออร่า. 
  • Karisma(คาริสม่า) นวัตกรรมคอลลาเจนจากอิตาลี ที่มีความแตกต่างคือเป็นคอลลาเจนชนิด Recombinant (Rh) Collagen สกัดจากไหม (Silkworm) ซึ่งมีความเข้ากันได้ดีกับผิวมนุษย์เช่นกัน เน้นการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ให้ผลลัพธ์ผิวกระชับและดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ 

เลือกฉีดคอลลาเจนสดที่ไหนดี?  

การเลือกทำหัตถการบนใบหน้า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัยที่สุด และเมื่อพูดถึงนวัตกรรมการ ฉีดคอลลาเจนสด Dr.Key Clinic คือหนึ่งในคลินิกชั้นนำที่โดดเด่นในด้านนี้ 

ด้วยทีมแพทย์ผู้มีความชำนาญและประสบการณ์สูง ในการประเมินสภาพผิวและออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล ที่ Dr.Key Clinic มีนวัตกรรมคอลลาเจนสดให้เลือกครบครันทั้ง 3 แบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น TheraFill, Collaju, หรือ Karisma ทำให้แพทย์สามารถเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ ที่เหมาะสมกับปัญหาผิวและความต้องการของแต่ละคนได้อย่างตรงจุด โดยเฉพาะ TheraFill ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงจากคนไข้ของคลินิก ด้วยผลลัพธ์ที่เห็นผลทันทีและมีความปลอดภัยสูง 

การปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ Doctor Key Clinic จะช่วยให้คุณเข้าใจสภาพผิวของตัวเอง และเลือกแนวทางการรักษาที่ใช่ที่สุด เพื่อผลลัพธ์การ “โกงอายุผิว” ที่น่าพึงพอใจและเป็นธรรมชาติในแบบของคุณ 

เทรนด์การฉีดคอลลาเจนสด โดยเฉพาะ TheraFill ไม่ใช่เป็นเพียงกระแสความงามชั่วคราว แต่คืออีกขั้นของวิทยาศาสตร์ ที่ช่วยให้เราสามารถฟื้นฟูและยืดอายุผิวได้อย่างตรงจุด ปลอดภัย และเห็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้ทันที สำหรับใครที่ต้องการบอกลาปัญหาผิวโรยรา โดยไม่ต้องเสียเวลารอคอย นวัตกรรมนี้อาจเป็นคำตอบที่คุณกำลังตามหาอยู่ก็เป็นได้ 

Nora
Nora

Content Creator สายสุขภาพ ชอบค้นหาวิธีดูแลตัวเองแบบง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน เพราะ Wellness ไม่ใช่เรื่องไกลตัว จึงอยากแชร์เคล็ดลับดี ๆ ที่ทุกคนสามารถทำตามได้

Articles: 32