Plant-Forward คืออะไร? 5 ไอเดียง่าย ๆ เพิ่มผักในมื้ออาหาร

อยากกินผักเยอะขึ้นแต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง? รู้จัก Plant-Forward แนวทางการกินอาหารจากพืชแบบไม่ต้องงดเนื้อสัตว์ พร้อม 5 ไอเดียเพิ่มผักในมื้ออาหารง่าย ๆ

ถ้าไถฟีดโซเชียลมีเดียเป็นประจำ คงจะเคยเห็นเทรนด์สุขภาพ ที่ผู้คนหันมาใส่ใจ อาหารจากพืช หรือ Plant-based Food กันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเมนูสลัดสีสวยน่าทาน สมูทตี้สีเขียวสดชื่น หรืออาหารวีแกนที่ดูสร้างสรรค์จนน่าทึ่ง แต่สำหรับหลายคนที่ยังรักการทานเนื้อสัตว์อยู่ การจะหักดิบไปกินมังสวิรัติหรือวีแกนเลยอาจเป็นเรื่องที่ท้าทายเกินไป 

ความจริงแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้น! วันนี้ I Plan Wellness จะพามารู้จักกับ “Plant-Forward” แนวคิดการกินที่กำลังมาแรงและทำได้ง่ายกว่าที่คิด ไม่ใช่การบังคับให้เลิกกินเนื้อสัตว์ แต่คือการปรับมุมมองใหม่ ชวนให้มา เพิ่มผักในมื้ออาหาร ให้กลายเป็นพระเอกของจาน ส่วนเนื้อสัตว์จะกลายเป็นพระรองแทน เป็นวิธีที่จะช่วยให้กินผักเยอะขึ้น ได้อย่างมีความสุขและยั่งยืน 

Plant-Forward คืออะไร? ต่างจากมังสวิรัติแค่ไหน 

Plant-Forward คือปรัชญาการกิน ที่เน้นอาหารที่มาจากพืชเป็นหลัก แต่ไม่ได้ตัดขาดจากเนื้อสัตว์โดยสิ้นเชิง หัวใจสำคัญคือ “การปรับสัดส่วน” บนจานอาหาร จากเดิมที่อาจจะมีสเต็กชิ้นใหญ่กับผักเคียงนิดหน่อย ก็เปลี่ยนมาเป็นสลัดผักชามโต ที่มีเนื้อสัตว์หั่นเต๋าโรยหน้าแทน 

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ลองมาดูความแตกต่างกัน 

  • วีแกน (Vegan) ไม่ทานผลิตภัณฑ์จากสัตว์ทุกชนิด ทั้งเนื้อ นม ไข่ น้ำผึ้ง 
  • มังสวิรัติ (Vegetarian) ไม่ทานเนื้อสัตว์ แต่อาจยังทานนมและไข่ได้ 
  • Flexitarian (มังสวิรัติแบบยืดหยุ่น) ส่วนใหญ่ทานมังสวิรัติ แต่จะทานเนื้อสัตว์บ้างเป็นครั้งคราว 
  • Plant-Forward ไม่มีกฎตายตัว! ยังสามารถทานเนื้อสัตว์ได้ปกติ แต่แค่ตั้งใจที่จะลดการกินเนื้อสัตว์ลง และเพิ่มสัดส่วนของผัก ผลไม้ ธัญพืช และโปรตีนจากพืชให้มากขึ้นในทุก ๆ มื้อ 

ดังนั้นการกินแบบ Plant-Forward จึงไม่ใช่เรื่องสุดโต่ง แต่เน้นความสมดุล และการค่อย ๆ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ทำให้เป็นแนวทางที่เหมาะสำหรับทุกคนที่อยากเริ่มต้นดูแลสุขภาพ 

5 ไอเดียเพิ่มผักในมื้ออาหารที่ใครก็ทำตามได้ 

เมื่อเข้าใจคอนเซ็ปต์แล้ว มาดูวิธีนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันกันบ้าง รับรองว่าง่ายและอร่อยจนต้องประหลาดใจ 

1. เทคนิคซ่อนผักสำหรับคนไม่ชอบกิน  

นี่คือวิธีที่ตอบโจทย์ เมนูอาหารสำหรับคนไม่กินผักได้ดีที่สุด โดยเฉพาะบ้านที่มีเด็ก ๆ หรือมีคนที่ไม่โปรดปรานรสชาติของผักบางชนิด ลองนำผักมาซ่อน ในเมนูโปรดของพวกเขาดูสิ! 

  • ซอสพาสต้า ปั่นผักโขม, แครอท หรือซุกินี รวมเข้าไปกับซอสมะเขือเทศ สีสันและรสชาติแทบไม่เปลี่ยน แต่ได้สารอาหารเพิ่มขึ้นเพียบ 
  • ไข่เจียว/ไข่ตุ๋น สับเห็ด, หอมใหญ่, พริกหวาน ให้ละเอียดแล้วผสมลงไปในไข่ 
  • แพนเค้ก/มัฟฟิน ลองใส่ฟักทองบดหรือกล้วยบดลงในส่วนผสมแป้ง จะช่วยเพิ่มความหวานตามธรรมชาติและความชุ่มฉ่ำได้อีกด้วย 

2. เริ่มต้นวันด้วยสมูทตี้สีเขียว 

วิธีที่ง่ายและเร็วที่สุดในการเพิ่มผักในมื้อเช้าคือ การปั่นรวมกันไปเลย! เมนูอาหารเช้าเพิ่มผัก แบบนี้ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที และยังพกพาไปดื่มระหว่างเดินทางได้สะดวก 

  • สูตรง่ายๆ สำหรับมือใหม่ ผักโขม 1 กำมือ (รสไม่ขม ทานง่าย) + กล้วยหอมแช่แข็งครึ่งลูก + ผลไม้รสเปรี้ยว (สับปะรด, เสาวรส) + โยเกิร์ตหรือนมที่ชอบ ปั่นรวมกันจนเนียน 
  • เคล็ดลับ การใช้ผลไม้แช่แข็งจะทำให้สมูทตี้เย็นเจี๊ยบชื่นใจโดยไม่ต้องใส่น้ำแข็ง 

3. ตั้ง “วันไร้เนื้อ” (Meatless Day) สัปดาห์ละวัน 

ลองกำหนดให้มี 1 วันในสัปดาห์ ที่จะงดทานเนื้อสัตว์ไปเลย เช่น “Meatless Monday” หรือ “วันพุธหยุดเนื้อ” การตั้งเป้าหมายเล็ก ๆ แบบนี้จะช่วยให้การลดการกินเนื้อสัตว์ เป็นเรื่องสนุกและไม่กดดัน ลองท้าทายตัวเอง ด้วยการทำเมนูมังสวิรัติอร่อย ๆ เช่น ผัดไทยไร้กุ้ง, ลาบเต้าหู้ หรือแกงเขียวหวานเจ 

4. เปลี่ยนของว่างให้เฮลตี้ขึ้น (Smart Snacking) 

ระหว่างวัน แทนที่จะคว้าขนมถุงหรือเบเกอรี่ ลองเปลี่ยนมาเป็นของว่างจากพืช ที่ให้ประโยชน์เต็มๆ 

  • แครอท/แตงกวา/พริกหวาน หั่นเป็นแท่ง ทานคู่กับฮัมมูส (ดิปที่ทำจากถั่วชิกพี) 
  • ถั่วแระญี่ปุ่น นึ่งสุก โรยเกลือเล็กน้อย เคี้ยวเพลินและโปรตีนสูง 
  • เผือก/มันหวาน/ฟักทอง อบกรอบ ทำเองง่ายๆ ด้วยหม้อทอดไร้น้ำมัน 

5. เปิดใจให้ “โปรตีนจากพืช”  

หลายคนกังวลว่า ลดเนื้อสัตว์กินอะไรแทน ถึงจะได้โปรตีนเพียงพอ? คำตอบคือ โปรตีนจากพืช ซึ่งมีมากมายและอร่อยกว่าที่คิด ลองนำวัตถุดิบเหล่านี้มาทำเมนูโปรดดู 

  • เต้าหู้ นำมาทำผัดกะเพรา, ต้มจืด หรือย่างแทนสเต็ก 
  • เห็ด เห็ดออรินจิหรือเห็ดหอมสด มีเนื้อสัมผัสที่เคี้ยวสนุก นำมาผัดหรือย่างก็อร่อย 
  • ถั่วเลนทิล/ถั่วชิกพี นำมาทำแกงกะหรี่, ซุป หรือบดทำไส้เบอร์เกอร์เจ 

ประโยชน์ของการกิน Plant-Forward ที่ดีต่อทั้งเราและโลก 

การปรับมากินแนวทางนี้ ไม่ได้มีดีแค่ทำให้เราได้ลองเมนูใหม่ ๆ แต่ยังส่งผลดีทั้งต่อสุขภาพของเรา และต่อโลกอย่างมหาศาล 

  • ต่อสุขภาพของเรา

การกินพืชผักมากขึ้น หมายถึงการได้รับไฟเบอร์ หรือใยอาหารสูง ซึ่งเป็นอาหารชั้นดีของจุลินทรีย์ในลำไส้ ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น ลดปัญหาท้องผูก ทั้งยังช่วยให้อิ่มนานขึ้น ซึ่งเป็นผลดีต่อการลดน้ำหนัก และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด 

  • ต่อโลกของเรา

อุตสาหกรรมปศุสัตว์ เป็นหนึ่งในแหล่งกำเนิดก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญ และใช้ทรัพยากรจำนวนมหาศาล การที่เราลดการบริโภคเนื้อสัตว์ลง แม้เพียงเล็กน้อย ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเรื่องความยั่งยืน และลดภาระให้กับสิ่งแวดล้อมได้ 

การกินแบบ Plant-Forward ไม่ใช่เรื่องยากหรือซับซ้อน แต่เน้นการปรับเปลี่ยนเล็ก ๆ น้อย ๆ ในชีวิตประจำวัน ไม่ต้องกดดันตัวเอง ให้สมบูรณ์แบบตั้งแต่วันแรก แค่ลองเลือกนำไอเดียเหล่านี้ ไปปรับใช้สัก 1-2 ข้อ ก็ถือเป็นการเริ่มต้นเส้นทางอาหารเพื่อสุขภาพที่ยอดเยี่ยม แล้วยังจะพบว่าการกินดีเพื่อตัวเองและเพื่อโลกใบนี้ เป็นเรื่องที่อร่อยและมีความสุขกว่าที่เคยคิด 

Wanmai
Wanmai

นักเขียนสายไลฟ์สไตล์ เชี่ยวชาญในการย่อยเทรนด์ Wellness บนโลกออนไลน์ให้กลายเป็นคอนเทนต์ที่มีประโยชน์ต่อผู้อ่าน และสามารถนำความรู้ไปปรับใช้ได้จริง

Articles: 10