Holistic Wellness 8 มิติของสุขภาพดีที่มากกว่าเรื่องร่างกาย 

ทำไมกินคลีน ออกกำลังกาย แต่ยังรู้สึกหมดไฟ? มารู้จัก Holistic Wellness หรือสุขภาพองค์รวม 8 มิติ เพื่อสร้างสมดุลให้ชีวิตและมีความสุขอย่างยั่งยืน

เคยรู้สึกแบบนี้ไหม? พยายามกินอาหารคลีน ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และนอนให้ครบ 8 ชั่วโมง แต่ลึก ๆ แล้วกลับยังรู้สึกเหนื่อยล้า, เครียด, หรือรู้สึกว่าชีวิตขาดอะไรไปบางอย่าง นี่คือสัญญาณที่บอกว่า สุขภาพดี อาจมีความหมายที่ลึกซึ้งกว่าแค่เรื่องของร่างกาย 

ในโลกที่หมุนเร็วและเต็มไปด้วยความท้าทาย เทรนด์การดูแลสุขภาพ ได้พัฒนาไปสู่แนวคิดที่เรียกว่า Holistic Wellness หรือ สุขภาพองค์รวม ซึ่งเป็นปรัชญาการดูแลตัวเอง ที่มองว่ามนุษย์เราไม่ได้ประกอบขึ้นจากร่างกายเพียงอย่างเดียว แต่คือผลรวมขององค์ประกอบต่าง ๆ ที่เชื่อมโยงกันทั้งหมด I Plan Wellness พาสำรวจ 8 มิติของสุขภาพ ที่จะช่วยให้สามารถสร้างชีวิตที่สมดุล และมีความสุขได้อย่างแท้จริง 

Holistic Wellness คืออะไร? เจาะลึก 8 มิติของสุขภาพองค์รวม 

Holistic Wellness หรือ สุขภาพองค์รวม คือแนวคิดการดูแลสุขภาพ ที่มองว่าทุกมิติของชีวิตมีความเชื่อมโยง และส่งผลกระทบถึงกันทั้งหมด แทนที่จะโฟกัสแค่การรักษาโรค หรือการดูแลร่างกายเพียงอย่างเดียว การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม จะให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุลในทุก ๆ ด้าน เพื่อนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน เปรียบเสมือนวงล้อชีวิต ที่หากมีด้านใดด้านหนึ่งบกพร่องไป วงล้อนั้นก็ไม่สามารถหมุนไปข้างหน้าได้อย่างราบรื่น 

ทำไมสุขภาพกายอย่างเดียวจึงไม่พอ? 

สำหรับวัยทำงาน หลายคนที่กำลังเผชิญกับ ภาวะหมดไฟ (Burnout) คงเข้าใจดีว่า ต่อให้ร่างกายแข็งแรงแค่ไหน แต่ถ้าจิตใจอ่อนล้า การงานกดดัน หรือความสัมพันธ์ย่ำแย่ ก็ยากที่จะรู้สึกว่าตัวเองสุขภาพดีได้อย่างเต็มปาก นั่นเพราะความเครียดจากมิติหนึ่ง สามารถส่งผลกระทบต่อมิติอื่น ๆ ได้ เช่น ปัญหาการเงิน (Financial Wellness) อาจนำไปสู่ความเครียดสะสม (Emotional Wellness) และส่งผลให้นอนไม่หลับ จนกระทบสุขภาพกาย (Physical Wellness) ในที่สุด 

ดังนั้น การทำความเข้าใจและดูแลสุขภาพองค์รวม จึงเป็นกุญแจสำคัญ ในการปลดล็อกชีวิตที่มีความสุขและสมบูรณ์อย่างแท้จริง 

สุขภาพองค์รวม 8 มิติ มีอะไรบ้าง? 

โมเดลของ Holistic Wellness ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง แบ่งสุขภาวะออกเป็น 8 มิติ ที่เกี่ยวพันกัน มาดูกันว่าแต่ละมิติคืออะไร และเราจะดูแลได้อย่างไรบ้าง 

1. สุขภาพกาย (Physical Wellness) 

นี่คือมิติพื้นฐานที่ทุกคนคุ้นเคย คือการดูแลร่างกายให้แข็งแรงและทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ 

How to 

  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นอาหารที่หลากหลายครบ 5 หมู่ ลดของหวาน ของมัน ของเค็ม 
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ตั้งเป้าหมายอย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ 
  • นอนหลับให้เพียงพอ ผู้ใหญ่ควรนอน 7-9 ชั่วโมงต่อคืน เพื่อให้ร่างกายได้ซ่อมแซมตัวเอง 

2. สุขภาพอารมณ์/จิตใจ (Emotional/Mental Wellness

คือความสามารถในการทำความเข้าใจ จัดการ และแสดงออกทางอารมณ์ได้อย่างเหมาะสม รวมถึงการรับมือกับความท้าทายของชีวิต 

How to 

  • ฝึกเจริญสติ (Mindfulness) อยู่กับปัจจุบันและรับรู้อารมณ์ของตัวเองโดยไม่ตัดสิน 
  • หาวิธีจัดการความเครียดที่ดี เช่น การเขียนระบาย พูดคุยกับเพื่อน ทำงานอดิเรก 
  • รู้ว่าเมื่อไหร่ควรขอความช่วยเหลือ การปรึกษาจิตแพทย์หรือนักบำบัดไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่คือการดูแลตัวเอง 

3. สุขภาพสติปัญญา (Intellectual Wellness) 

คือการเปิดรับความรู้ใหม่ ๆ ท้าทายความคิด และกระตุ้นสมองให้แอคทีฟอยู่เสมอ เพื่อส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และการแก้ปัญหา 

How to 

  • อ่านหนังสือ หรือบทความในหัวข้อที่คุณไม่เคยสนใจมาก่อน 
  • เรียนรู้ทักษะใหม่ เช่น ภาษา การเขียนโค้ด การเล่นดนตรี 
  • เปิดใจรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง เพื่อขยายมุมมองของตัวเอง 

4. สุขภาพสังคม (Social Wellness) 

คือการมีปฏิสัมพันธ์และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น การรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสังคมหรือกลุ่ม 

How to 

  • ใช้เวลากับครอบครัวและเพื่อนสนิท สร้างความสัมพันธ์ที่มีความหมาย 
  • เข้าร่วมกิจกรรมอาสาสมัคร หรือชมรมที่คุณสนใจ 
  • ฝึกทักษะการสื่อสาร: ทั้งการเป็นผู้ฟังที่ดีและการแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ 

5. สุขภาพจิตวิญญาณ (Spiritual Wellness) 

มิตินี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่เรื่องศาสนา แต่คือการค้นหาความหมาย คุณค่า และเป้าหมายในการใช้ชีวิต (Life Purpose) ที่ทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตมีความหมาย 

How to 

  • ใช้เวลาอยู่กับตัวเองเงียบๆ  เพื่อทบทวนคุณค่าและความเชื่อของตัวเอง 
  • ฝึกสมาธิ หรือสวดมนต์ตามความเชื่อ 
  • ใช้เวลาอยู่กับธรรมชาติ เพื่อเชื่อมโยงกับสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเอง 

6. สุขภาพสิ่งแวดล้อม (Environmental Wellness) 

คือการตระหนักถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวเรากับสิ่งแวดล้อมรอบข้าง ทั้งที่บ้าน ที่ทำงาน และโลกใบนี้ 

How to 

  • จัดระเบียบพื้นที่ส่วนตัว ทำให้บ้านหรือโต๊ะทำงานเป็นระเบียบและน่าอยู่ 
  • ลดการสร้างขยะ ใช้ซ้ำ รีไซเคิล และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม 
  • หาเวลาไปสัมผัสธรรมชาติ เช่น เดินป่า หรือไปสวนสาธารณะ 

7. สุขภาพการเงิน (Financial Wellness) 

คือความสามารถในการบริหารจัดการการเงิน ของตัวเองได้อย่างมั่นคง ไม่ว่าจะเป็นการใช้จ่าย การออม และการลงทุน เพื่อลดความเครียดทางการเงิน 

How to 

  • ทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย เพื่อให้เห็นภาพรวมทางการเงิน 
  • ตั้งเป้าหมายการออม และสร้างกองทุนฉุกเฉิน 
  • ศึกษาหาความรู้ทางการเงิน เพื่อวางแผนอนาคต 

8. สุขภาพการงาน (Occupational Wellness) 

คือการรู้สึกพึงพอใจและมีความสุขกับงานที่ทำ ไม่ว่าจะเป็นงานประจำหรืออาชีพเสริม ซึ่งสอดคล้องกับคุณค่าและเป้าหมายของเรา 

How to 

  • หาสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน (Work-Life Balance) 
  • พัฒนาทักษะ ที่จำเป็นต่องานและสร้างความท้าทายใหม่ๆ 
  • สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงาน 

สร้างสมดุลเพื่อชีวิตที่ดีกว่า 

Holistic Wellness ไม่ได้เรียกร้องให้เราต้องสมบูรณ์แบบในทุกมิติ แต่สอนให้เราตระหนักว่า ทุกส่วนของชีวิตนั้นเชื่อมโยงกัน การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม คือการเดินทางที่ไม่สิ้นสุด โดยเป็นการหันกลับมาเช็กอินกับตัวเองอย่างสม่ำเสมอ ว่าตอนนี้วงล้อชีวิตของเรา กำลังขาดสมดุลในด้านไหน และเราจะเติมเต็มได้อย่างไร 

ลองเริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการเลือก 1-2 มิติ ที่อยากจะโฟกัสก่อน แล้วค่อย ๆ สร้างการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ ในแต่ละวัน เพราะการลงทุนกับการดูแลตัวเองในทุกมิติ คือการลงทุนเพื่อ คุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดและยั่งยืนที่สุด 

Nora
Nora

Content Creator สายสุขภาพ ชอบค้นหาวิธีดูแลตัวเองแบบง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน เพราะ Wellness ไม่ใช่เรื่องไกลตัว จึงอยากแชร์เคล็ดลับดี ๆ ที่ทุกคนสามารถทำตามได้

Articles: 10